ผู้ส่งบทความ1 |
อาจารย์รัชพล รอดชมภู |
|
หน่วยงาน |
โรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา |
วัน/เดือน/ปี |
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553 |
เวลา |
12:31:53 น. |
หัวข้อบทความ |
...อาหารสมองของสาวทำงาน(รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม)... |
บทความ |
เคยรู้สึกไหมว่าตัวเองมีสมาธิและความจำสั้น "เอ๊ะ!
เราแก่ขึ้นหรือทำงานหนักไปหรือเปล่า" หลายคนแอบสงสัย จริงๆ
ความวิตกกังวลและความเครียดจากการทำงานก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง
ถ้าไม่อยากเป็นปลาทอง ลองกินอาหารบำรุงสมองตามคำแนะนำดู
" หากต้องการเพิ่มพลังงานให้สมอง สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานอาหารให้ครบ 3
มื้อ รวมถึงของว่างระหว่างวัน ที่สำคัญอย่างดอาหารเช้าเด็ดขาด
เพราะอาหารเช้าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
สามารถช่วยให้เราทำงานผิดพลาดน้อยลงและมีความจำดีขึ้น
การกินอาหารเช้าที่มีประโยชน์ช่วยป้องกันอาการซึมเศร้าและลดความเครียดได้
เมนูแนะนำคือ ไข่ดาวน้ำที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 กับขนมปังธัญพืชปิ้ง 1 แผ่น
ตามด้วยน้ำส้มคั้นสด 1 แก้ว แค่นี้สมองก็จะปลอดโปร่ง
และทำงานได้คล่องแคล่วขึ้น
" ช่วงครึ่งวันเช้าเหมาะกับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดและสมาธิสูง
เพราะร่างกายยังสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ช่วยให้คิดอะไรใหม่ๆ
ได้ไวและทำงานเสร็จเร็ว สำหรับอาหารกลางวัน
แนะนำเมนูสลัดไก่ย่างโรยด้วยเมล็ดธัญพืชราดน้ำมันมะกอกและแต่งหน้าด้วยมะนาว
เพราะเนื้อไก่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจะช่วยการทำงานของระบบประสาท
ขณะที่เมล็ดพืชต่างๆ ก็อุดมไปด้วยไขมันจำเป็นที่ช่วยให้ความคิดลื่นไหล
" นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าคนเราจะทำงานได้ดีในช่วงเช้าและหลัง 5
โมงเย็น แต่พอช่วงบ่ายคนเราจะเริ่มรู้สึกล้าคิดอะไรได้ช้าลง
เหมาะกับทำงานที่ไม่ต้องใช้ความคิดริเริ่มเท่าไหร่
ถ้าง่วงอาจหาอาหารว่างที่ไม่มีรสหวาน หรือเลือกอาหารว่างที่ทำให้สมองแล่น
จำพวกเมล็ดธัญพืชและผลเบอร์รี่ที่มีวิตามินและคุณค่าทางอาหารสูง
เมนูแนะนำคือ โยเกิร์ตไขมันต่ำถ้วยเล็กๆ 1 ถ้วย เมล็ดธัญพืช เช่น
ถั่วลิสง เม็ดทานตะวัน 1 ช้อนชา
สำหรับคนที่ทำงานรอบดึกแนะนำเมนูอาหารเย็นเป็นข้าวซ้อมมือกับปลาแซลมอนย่างและผักนึ่ง
หรือผัดเต้าหู้กับข้าวซ้อมมือน้ำมันปลา
โดยเฉพาะในน้ำมันปลาแซลมอนมีโอเมก้า 3 อยู่มาก
สุดท้ายอย่าลืมเพิ่มคุณค่าวิตามินด้วยการรับประทานผัก
และคาร์โบไฮเดรตจำพวกข้าวซ้อมมือ "
* กินข้าวกล้องเป็นประจำทุกวัน ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา
เหมาะกับผู้ที่ต้องนั่งโต๊ะนานๆ เพราะในข้าวกล้องมีวิตามินบีและอีสูง
จึงช่วยเพิ่มพลังสมองในการทำงาน
แถมป้องกันโรคสมองเสื่อมในอนาคตได้ด้วย...ว้าว
* วิตามินบีหรือที่เรียกว่า "สารให้ความกระปรี้เปร่า"
มีอยู่ในข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท จมูกข้าว ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม กล้วย
ส้ม เป็นต้น
* วิตามินซีที่อยู่ในผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ น้ำส้มคั้น
มะละกอ บร็อคโคลี กะหล่ำปลี ถั่วงอก ฯลฯ
มีส่วนสำคัญในการสร้างฮอร์โมนระงับความเครียดได้
* น้ำมันปลา Omega-3 ในเนื้อปลาแซลมอน ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ไขข้ออักเสบ
ช่วยลดอาการปวดรอบเดือนและระงับอาการซึมเศร้าเบื่อหน่ายจากการทำงานได้ด้วย
* ผักใบเขียวอย่างตำลึง คะน้า เป็นอาหารกลุ่มโครินที่มีวิตามินบี
ซึ่งช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ
* ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวันจะทำให้ร่างกายสดชื่น สมองแจ่มใส
ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย และตะคริว
ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสได้แม้อยู่ในห้องแอร์
* แนะนำให้ดื่มน้ำกระเจี๊ยบหรือน้ำมะนาวในช่วงบ่ายที่กำลังง่วง
เพราะมีทั้งรสเปรี้ยวและหวาน มีวิตามินซีสูง แถมมีธาตุเหล็กอีกด้วย
สำหรับน้ำใบบัวบก จริงๆ แล้วเป็นยาบำรุงแก้อ่อนเพลีย
ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เสริมสร้างความจำและช่วยให้สมองทำงานได้ดี
* ทานของหวานหลังอาหารกลางวันช่วยเพิ่มความรู้สึกสดชื่นได้ยาวนานขึ้น
การทานรสเปรี้ยวและหวานช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในร่างกาย
ถ้าตอนบ่ายง่วงอาจกินผลไม้รสเปรี้ยว
อย่างมะม่วงหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นได้
* ถ้าทำงานที่ต้องใช้สายตานานๆ ต้องมีถั่วติดโต๊ะไว้
เพราะถั่วมีวิตามินบี2 บำรุงสายตาได้ดี
* ผู้หญิงช่วงมีรอบเดือน ร่างกายจะขาดธาตุเหล็ก จนทำให้เหนื่อยง่าย
หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ แนะนำให้ทานวิตามินซีควบคู่ไปกับการรับประทานเหล็ก
จะเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
* ชาเขียวช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นและช่วยให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวสะอาดปลอดโปร่งขึ้น
เพราะถุงชาช่วยลดมลพิษภายในอาคาร
ซึ่งเป็นอาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากการแพ้อากาศภายในอาคาร เช่น โรคภูมิแพ้
ผืนแดงตามร่างกาย เป็นต้น
* ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัดในมื้อเช้า
เพราะตื่นเช้าขึ้นมาร่างกายยังอ่อนแอปรับตัวไม่ทัน
ยิ่งถ้าตอนเช้าคุณมีประชุมด้วยละก็อาจเดือดร้อนเพราะท้องเดินได้
* จริงๆ แล้ว ผู้ที่ไม่มีเวลารับประทานอาหารเช้าหรือติดดื่มกาแฟ
ควรดื่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว แล้วค่อยดื่มกาแฟตาม
เพราะการดื่มกาแฟโดยที่ไม่มีอะไรรองท้องจะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้ไม่นาน
หลังจากนั้นจะกลับมาง่วงเหมือนเดิม และไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 3 แก้วต่อวัน
และอย่าลืมว่าครีมกับน้ำตาลทำให้อ้วนได้
* ทางที่ดีหลีกเลี่ยงชาและกาแฟ โดยเฉพาะในช่วงเย็นถึงกลางคืน
เพราะอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ส่งผลให้สมองพักผ่อนไม่เพียงพอ
ผู้ที่ดื่มชา กาแฟ และสุรา
เป็นประจำจะทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยกว่าที่ควร
* สำหรับมื้อเที่ยงควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มและมันจัด
เพราะอาหารที่มีไขมันเยอะจะเกิดการสะสม ส่งผลให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้า
และก่อให้เกิดอาการหดหู่ ขาดความคล่องตัว
* เป็นความเชื่อผิดๆ ที่ว่ากินข้าวเหนียวจะทำให้ง่วง ในความเป็นจริง
ข้าวเหนียวย่อยยากและใช้พลังงานสูงในการย่อย
จนทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหลังจากกินไปสักพักต่างหาก |
แนบแฟ้มข้อมูล |
|
|
|
|
|
|
จำนวนผู้อ่าน 1 คน |
|