ผู้ส่งบทความ1 รองศาสตราจารย์ลัดดา  ศิลาน้อย
รองศาสตราจารย์ลัดดา  ศิลาน้อย
หน่วยงาน ผู้เกษียณอายุรายการ
วัน/เดือน/ปี วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม 2550
เวลา 21:56:34 น.
หัวข้อบทความ สายเรียกซ้อนที่สายเกินแก้
บทความ สายซ้อน miss call สุดท้ายแห่งชีวิต

...ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง
มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดู คุณ มา ด้วยความเหนื่อยยาก
วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล
เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงานใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร
เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ ?
ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....
ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียน เที่ยว นอน กิน
ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้
มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผมก็เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน
"จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง" "กินกับอะไรบ้าง
แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้า มั้ยเนี่ย" "รู้มั้ยตัวเอง
ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจ ไง
""ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ" ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร
เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร
ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์
ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ไม่ชอบนะ
หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน เอ้อ
เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ
แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน
"ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง""เย็นนี้กินข้าวอิ่ม มั้ย"
"วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง" "อย่าไปเที่ยวที่ ไหนไกลนะ"
โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที
ยังคงโทรหาผม เป็นประจำ โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย
ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็
มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง จนกระทั่งวันนั้น
"ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่า รักเค้ามั้ย" "เร็วๆสิ
เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ" "แล้วยังจะใจร้าย
ไม่บอกรักเค้าอีกหรอ" ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า
"Home" "โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย"
ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป
เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็น ประโยคเดิมๆ
"และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่"
หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า
และแม่ของผมขัดขืนและได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
แม่เสีย ชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล
แต่แม่เลือกที่จะโทรหา "ผม"
สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือโทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม
วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก
มือและตัวของผมสั่น วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม
ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม ผู้หญิงคนเดียวในโลก
ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต
ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา
โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่า
เธอจะประทับใจหรือไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
คนเดียวในโลกที่โทรมาหา ผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ
คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม
"และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต"
ในบางครั้งประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว"
มันก็ไม่เป็นความจริง"เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก
เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว " อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม
หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป
วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ
มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะตัวเราเท่า
นั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง "เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ
ก็ต่อเมื่อ เราต้องเสียมันไป" ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์
รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิง คนหนึ่งฟัง
แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว ผมรักแม่ครับ.
แต่ผมคงไม่มีโอกาสได้บอกอีกแล้ว...

(จากเมลที่ถูกส่งมา)

 
 
แนบแฟ้มข้อมูล  
 
 
 
 
 
จำนวนผู้อ่าน 1 คน

[หน้าแรก] [รวมบทความ]